ความอัศจรรย์ของหลวงพ่อ
คือแก้โรคโดยคนไข้ไม่ต้องกินยา

     เมื่อสมัยหลวงพ่อมีชีวิตอยู่ เราเห็นกิจกรรมอย่างหนึ่งของวัดปากน้ำ คือ มีกล่องใบใหญ่ เปิดรับใบขอแก้โรค กล่องนี้ตั้งอยู่หน้ากุฏิหลวงพ่อ ใครป่วยเป็นอะไรไม่ต้องกินยา เพียงแต่เขียนบอกแก่หลวงพ่อว่า ป่วยเป็นโรคอะไร ขอให้หลวงพ่อช่วยแก้ให้ โดยบอกชื่อ อายุ และที่อยู่ของคนไข้ เมื่อถึงเวลาหลวงพ่อจะให้สามเณรอ่านใบขอแก้โรค แล้วหลวงพ่อท่านเข้าวิชาธรรมกายแก้โรค ตามความรู้ของท่าน ปรากฏว่าหายจากโรคโดยไม่กินยา มีจำนวนมาก รายที่ไม่หายก็มี ทางวัดไม่ได้คิดเงินทองอะไร เป็นการบริการฟรีแก่ประชาชน

     ข่าวแก้โรคโดยไม่กินยาแพร่ไปทั่ว วันหนึ่งๆ มีคนนำใบแก้โรคไปส่งในกล่องวัดปากน้ำ มีจำนวนมาก หลวงพ่อท่านอธิบายว่า วิชาธรรมกายแก้ได้จริง เว้นแต่อาการป่วยถึงขึ้นแก้ไม่ได้ คือ ขั้นอเตกิจฉา หากป่วยใหม่ๆ แก้หายทั้งนั้น

     ข้อแรก ผู้ป่วยต้องเรียนภาวนาด้วย กระแสจิตของผู้แก้กับคนไข้จึงถึงกัน การแก้โดยวิธีนี้ได้ผลมาก นอกจากจะหายจากโรคแล้ว ผู้ป่วยยังได้ฝึกภาวนา กุศลจากการฝึกภาวนามีส่วนช่วยคนป่วยอีกด้วย ในเรื่องนี้ต้องจัดว่าเป็นอภินิหารของหลวงพ่อ เพราะเป็นคนแรกของโลก ที่รักษาคนป่วยโดยไม่กินยา พี่น้องประชาชนที่ป่วย เป็นผู้ยืนยัน ว่าเขาหายจากโรคร้ายเพราะหลวงพ่อวัดปากน้ำ เขาจึงเห็นหลวงพ่อว่าเป็นผู้ศักดิ์สิทธิ์ บางรายเขาบอกว่า เขาเองมีแต่ตายกับตายเท่านั้น เป็นโรคอย่างนี้แล้วไม่มีทางรอด ไปหาหลวงพ่อขอลาตาย ไม่มีทางรอดแล้ว ชีวิตนี้ หมดหวังแล้ว เมื่อพบหลวงพ่อ หลวงพ่อรับสั่งว่า เธอยังตายไม่ได้ โรคร้ายนี้หลวงพ่อจะแก้ให้ เพียงแต่เธอไปท่องคาถา สัม มา อะ ระ หัง ทุกคืนวัน ไม่ช้าไม่นาน คนไข้ผู้นั้นไปหาหลวงพ่อ ขอกราบที่เท้า แจ้งต่อหลวงพ่อว่า เขาไม่ตายแล้ว หลวงพ่อสำทับไปว่า ให้บริกรรม สัม มา อะ ระ หัง ไว้เนืองๆ จนกว่าจะเห็นดวงธรรมในท้องของเธอ แล้วเธอจะหายไข้เร็วขึ้น ตัวอย่างกรณีอย่างนี้ เป็นภาพที่เราท่านเห็นเกือบทุกวันที่วัดปากน้ำ

     รายหนึ่ง ข้าพเจ้าพบมาเอง คือวันรุ่งขึ้นจะรับพระราชทานกระบี่ แต่เป็นเพราะไปทำผิดวินัยเข้า โรงเรียนเขาให้ระงับการรับกระบี่ไว้ก่อน ไปกราบหลวงพ่อให้หลวงพ่อช่วย ต่อมาเห็น นายร้อยผู้นั้นไปกราบขอบคุณหลวงพ่อ บอกว่าเขาได้รับกระบี่ในวันประกอบพิธีด้วย อีกรายหนึ่งจากจังหวัดสุรินทร์ บอกว่าฝนไม่ตก ขอให้หลวงพ่อช่วยให้ฝนตก เพื่อข้าวที่หว่านจะไม่เสียหาย หากฝนตกเขาจะนำข้าวสารมาเลี้ยงพระที่วัดปากน้ำ กาลต่อมาท่านผู้นี้นำข้าวสารมาลำเรือหนึ่ง มาถวายหลวงพ่อเลี้ยงพระ แปลว่า เขาประสบความสำเร็จ

     ไม่ใช่แก้โรคอย่างเดียวเสียแล้ว หากเล่าไปไม่รู้จบ วิชาธรรมกายบำบัดทุกข์ให้แก่ชาวโลกมากมาย วันหนึ่งหลวงพ่อท่านรับแขกไม่รู้ว่าจำนวนเท่าไร วันหนึ่งอย่างต่ำจำนวนเป็นร้อย แต่ละท่านไปหาหลวงพ่อ ล้วนแต่มีเรื่องทุกข์ร้อนให้หลวงพ่อช่วย ร้อยคนก็ร้อยเรื่อง หลวงพ่อช่วยเขาได้จริง เขาจึงนับถือและสนับสนุนกิจการของหลวงพ่อ หลวงพ่อท่านฉลาดมาก ถามความทุกข์ของแขกเรียงตัวไปเลย คนนี้จะให้ช่วยอะไร บรรยายไปจบแล้วขึ้นคนอื่นต่อไป จนกว่าจะครบ แขกทุกคนได้พูดกับหลวงพ่อ ที่แปลกมากก็คือ ใครมีอะไรเล่าไปเลย ไม่อายกัน เรื่องของใครก็ของใคร เสร็จแล้วเขาก็ลากลับ กี่ปีกี่เดือนก็เป็นอย่างนี้ น่าเป็นทุกข์แทนหลวงพ่อ เพราะบางเรื่องหลวงพ่อไม่มีความรู้ เขาก็จะให้หลวงพ่อช่วย หลวงพ่อก็ขานรับ รับว่าจะช่วย หากไม่รับปากว่าจะช่วย เขาก็ไม่กลับเพราะไม่รู้จะพึ่งใครแล้ว

     แม้ทหารจะไปรบ ก่อนเดินทางไปออกสนาม มักจะไปขอพรหลวงพ่อก่อน และเมื่อไปถึงหลวงพ่อแล้ว อ้อนวอนต่อหลวงพ่อ ขอให้ได้กลับมาทั้งหมด ไม่ให้มีการตายจากเลย หลวงพ่อท่านก็รับคำ เราท่านเมื่อเห็นภาพพจน์เช่นนั้นแล้ว ย่อมหนักใจแทนหลวงพ่อ ว่าหลวงพ่อจะทำอย่างไร ทหารของเราจึงจะรอดปลอดภัย หลวงพ่อท่านก็บอกว่าไม่เป็นไร ภาวนาคาถา สัม มา อะ ระ หัง ไว้แล้วพระพุทธองค์จะรักษาให้ปลอดภัย

     สรุปว่าเรื่องแก้โรคโดยไม่กินยานั้น วิชาธรรมกายแก้ไขได้จริง และในเรื่องของทุกข์ร้อนน้อยใหญ่ที่บรรดาประชาชนไปให้หลวงพ่อช่วยนั้น หลวงพ่อท่านก็บอกว่า วิชาธรรมกายแก้ไขได้ หากเราเรียนภาวนาแล้ว การแก้ไขจะได้ผล เรื่องสำคัญก็คือ ต้องเรียนภาวนาวิชาธรรมกาย เพราะธรรมกายคือตถาคต และตถาคตคือธรรมกาย การเรียนวิชาธรรมกายก็คือการเข้าถึงพระรัตนตรัยนั่นเอง เมื่อเราเรียนแล้ว อานุภาพแห่งคุณพระศรีรัตนตรัยกำจัดทุกข์ กำจัดภัย และ กำจัดโรคได้

     การที่พี่น้องประชาชน ศรัทธาในหลวงพ่อวัดปากน้ำ ก็เพราะหลวงพ่อบำบัดทุกข์ให้เขาได้

     หลวงพ่อได้พิสูจน์อานุภาพของวิชาธรรมกายให้ชาวโลกได้เห็นตั้งแต่หลวงพ่อมีชีวิตอยู่ จนกระทั่งหลวงพ่อถึงแก่มรณภาพ พอเอ่ยถึงชื่อ “หลวงพ่อวัดปากน้ำ” ทุกคนยอมรับ ไม่มีใครปฏิเสธ เรายอม เราเกรงและกลัวในบุญญาภินิหารของท่าน

     ทุกวันนี้ คนเป็นต้องพึ่งคนตาย คนเป็นคือเรา เพราะเรายังไม่ตาย ต้องพึ่งคนตาย คือ พึ่งศพหลวงพ่อวัดปากน้ำ นี่คืออภินิหารของหลวงพ่อ

     ขอกล่าวแถมถึงเรื่องน้ำมนต์กับเรื่องเนื้อมนต์ของหลวงพ่ออีกหน่อย คนสุพรรณฯ เขามาทอดผ้าป่าที่วัดปากน้ำ ท่านเหล่านั้นส่วนหนึ่งเป็นคนรุ่นหลวงพ่อก็มีและเป็นคนรุ่นใหม่ก็มี เมื่อทอดผ้าป่าเสร็จ เอ่ยปากขอน้ำมนต์จากหลวงพ่อ อยากให้หลวงพ่อพรมน้ำมนต์ให้ หลวงพ่อตอบว่า วัดปากน้ำไม่มีน้ำมนต์มีแต่เนื้อมนต์ พี่ป้าน้าอาถามว่า ที่ว่าเนื้อมนต์นั้นคืออะไร หลวงพ่อตอบว่า เนื้อมนต์คือ สัม มา อะ ระ หัง ให้ท่อง สัม มา อะ ระ หัง ไว้เนืองๆ มีอานุภาพยิ่งกว่าน้ำมนต์ร้อยเท่าพันทวี เราจะมางมงายน้ำมนต์อยู่ทำไม ไม่ใช่ทางเดินของพระศาสดา พระศาสดาทรงทำพระทัยนิ่งที่ศูนย์กลางกาย เมื่อใจยังไม่นิ่งไม่หยุด ให้บริกรรม สัม มา อะ ระ หัง เข้าไว้ เมื่อใจหยุดแล้วจะเห็นดวงขาวใสในท้องของเรา และเมื่อเห็นดวงใสในท้องของเราแล้ว ให้ส่งใจนิ่งลงไปที่กลางดวงใสนั้น และจะเห็นพระศาสดา พระศาสดาคือ ธรรมกาย ธรรมกายคือ พระศาสดา เมื่อเห็นได้เช่นนั้นทุกข์ร้อนจะหมดไป โรคภัยไข้เจ็บหายหมด แล้วพี่น้องชาวสุพรรณฯ ก็ทดลองฝึกเบื้องต้นประมาณ ๑๐ นาที จากนั้นหลวงพ่อสวดอนุโมทนา จบเรื่องไม่มีน้ำมนต์มีแต่เนื้อมนต์เพียงนี้

บางส่วนจากหนังสือ อภินิหารหลวงพ่อวัดปากน้ำ หน้า 65 : อ่านเพิ่มเติม