คุณลุงการุณย์ บุญมานุช

มารเขาหลอกเรายิ่งกว่าผีหลอกคน

        ประเด็นที่จะกล่าวก็คือ มารเขาหลอกเราสารพัด เรื่องใดที่เราทันเขา ก็หาวิธีอื่นมาหลอกต่อไปวิธีพื้นฐานที่เขาหลอกสําเร็จมาทุกสมัย คือ วิธีไม่ให้เราเข้าถึงวิชา ไม่ให้เราเข้าถึงบารมีธรรมสําคัญวิธีนั้นคือ ลาภ ยศ สรรเสริญสุข นั่นเอง ขอให้ดูบ้านเรา ยังไม่เป็นวิชาอะไรทั้งนั้น ยังไม่เห็นอะไรทั้งนั้นแต่ใจเป็นสมาธิและท่องคาถาได้ นั่งร้อยลูกประคํา ท่องอิติปิโส ๑๐๘ เที่ยว เพียงเท่านี้เอง  มารเขาสกัดการสร้างบารมีทันที โดยไม่ขวางสมบัติ เงินทองไหลมา ชื่อเสียงโด่งดังทําอะไรขลังไปหมดคือมารเขาเข้ามากํากับทั้งหมด โดยเราไม่รู้ เพราะเราไม่เป็นวิชาธรรมกายชั้นสูง ไม่เห็นและไม่รู้แต่เรามั่นใจท่องอิติปิโส ดังที่เราเห็นทุกวันนี้ หากให้ท่านผู้นี้เข้าถึงวิชา ต่อไปภายหน้าเมื่อมีบารมีแก่ขึ้นก็จะคิดวิชามารบกับเขา มารเขาคิดอย่างนั้น วิธีแก้ของเขาก็คือให้เราเพลินใน ลาภ ยศ สรรเสริญ สุขก่อนหน้านี้ข้าพเจ้าไม่ทราบ ก็ได้ทราบในทําวิชาปราบมารนี่เอง สุดท้ายเราไม่ได้สร้างบารมีชั้นสูงเรื่องมรรคผลนิพพานตามที่อธิษฐานไว้ มีแต่เลือนลาง เราไปทราบชัดเจนในวันที่เราตาย รายไหนก็รายนั้นนี่คือตัวอย่างที่เราเห็นในบ้านเมืองเรา

     ยังมีหลอกอีกอย่างหนึ่ง อยากกล่าวไว้ในที่นี้ เพราะเพิ่งทราบ เมื่อบารมีของเราแก่กล้าขึ้นมารเขาก็มีวิธีหลอกอีกอย่างหนึ่งคือ หลอกรู้ลวงญาณ ข้อมูลที่นํามากล่าวก็คือ เราเดินวิชาละเอียดขึ้นไปไปพบพระพุทธเจ้านิพพานเป็นและพบจักรพรรดิสําคัญ มารเขาเอาไปซ่อนไว้ เราพบเข้า ต้องทําวิชาแก้ไขอาราธนาพระองค์กลับมา ตามทีได้กล่าวไว้นั้น เมื่อธาตุธรรมตรวจบารมีจักรพรรดิ ปรากฏว่ามีบารมีมากบางองค์นับอสงไขยไม่ถ้วน เหตุใดมารจึงเอาตัวไปกักกันไว้ได้ เมื่อพบเหตุการณ์เช่นนี้มากเข้า นานเข้าเข้าธรรมกายไปถามกายธรรมของหลวงพ่อ ทําไมจักรพรรดิมีบารมีมากปานนั้น เหตุใดมารจึงเอาตัวไปได้กายธรรมหลวงพ่อตอบว่า มารยังหลอกไปได้ พอเราได้ยินคําตอบ เราเหงื่อแตก แล้วอย่างนี้เราจะเหลือหรือมารต้องหลอกวันยังค่ํา สรุปแล้ว ได้ความว่า รู้ญาณของเรานั้น มารเขาเข้ามาบ่ายเบนได้ให้เราเห็นอะไรผิดจากความเป็นจริง เราหลงเชื่อรู้เชื่อญาณนั้น มารก็เอาตัวไปอีก

     ดังนั้น การเรียนของเราต้องเป็นไปด้วยความระวัง

     คราวนี้ท่านอยากทราบว่า นายการุณย์ บุญมานุช นั้นมารไม่หลอกหรือ ตอบว่า หลอก  แต่การหลอกนั้นบางนั้นเราจับได้ และบางครั้งเรายังจับไมได้ ในส่วนที่เรายังจับไม่ได้นั้น ยังไม่ทราบว่า  เมื่อไรจะจับได้ เรื่องนี้ต้องค่อย ๆ เรียนไป เพราะมารยังดับไม่หมด เขายังหลอกเราได้ หน้าที่ของเราคือรบเรื่อยไป   ไม่มีการถอยหลัง เพราะเรื่องมันมาถึงแค่นี้แล้ว อย่าไปแสดงความอ่อนแอให้มารมันได้ใจ

     คนใดที่เป็นวิชาถึงขั้นได้เหตุผล มารเขาต้องหาทางกําจัดให้พ้นจากหมู่พวก

     วิธีนี้เขาใช้ในกรณีที่การรบเข้าด้ายเข้าเข็ม เมื่อคนเป็นวิชาพ้นไปจากหมู่พวก เขาก็ยิ้มรับเท่านั้น  ข้าพเจ้าคิดอยู่ว่า จะเล่าหรือไม่เล่า หากคิดว่าเพื่อการศึกษาก็ควรเล่า แต่ถ้านํามาเล่าแล้วเป็นการไม่สมควร  เราไม่ควรกล่าว คิดอยู่หลายครั้ง ก็เราเรียน เราศึกษา เราจะไปเกรงอะไรอีกเล่า บัณฑิตมีอยู่ เราปรารถนาความรู้  คนอย่างเราไม่ต้องการเสียสี ไม่ต้องการเอาชื่อ แต่จะยกตัวอ่างจริงให้เห็นว่า มารมันเก่งขนาดไหน ที่เขาจะเอาคนเก่ง ให้พ้นไปจากหมู่พวก  

     เรื่องเกิดขึ้นในสมัยที่หลวงพ่ออาพาธ แต่อาการไข้ยังไม่รุนแรงเป็นเหตุการณ์ใกล้ที่หลวงพ่อจะมรณภาพแล้ว เรื่องมีอยู่ว่า ในหมู่ท่านที่ทําวิชาด้วยกัน คิดอย่างไรไม่ทราบ  มีข่าวว่าหลวงพ่อท่านให้อุบาสิกาถนอม อาสไวย์ พ้นไปจากหน้าที่ทําวิชา มีการพูดกันไปพูดกันมา  ข่าวนี้ทราบมาถึงแม่ชีถนอม ในครั้งนั้นเป็นที่ทราบกันทั่วว่า แม่ชีถนอม อาสไวย์ เป็นคนเก่ง ทําวิชาได้เหตุได้ผล  เป็นที่ยกย่องกันทั่วไป  แม่ชีถนอมท่านเล่าให้ข้าพเจ้าฟังว่า ฉันก็อยากทราบว่า ข่าวที่จะให้ฉันพ้นหน้าที่ทําวิชา  เป็นจริงหรือไม่และอย่างไร เพราะฉันก็มีบ้านของฉันอยู่ที่จังหวัดอ่างทอง มีแต่คนมาถามเรื่องราว  ฉันคอยหาจังหวะอยู่ เมื่อไรจะได้จังหวะเข้าไปกราบหลวงพ่อ จะได้ถามเรื่องราวให้ชัด แม่ชีท่านเล่าอย่างนั้น

     วันหนึ่งเป็นจังหวะดี หลวงพ่อกําลังฉันอาหาร ผู้คนทั้งปวงคอยฟังอยู่ เขาอยากฟังข่าวจึงมากันมาก  พอฉันไปถึงกราบหลวงพ่อก่อน หลวงพ่อเห็นแม่ชีถนอม รับสั่งว่า เออ ! หนอมคอยหลวงพ่อก่อน  ให้หลวงพ่อฉันของหวานก่อน แล้วหลวงพ่อก็ฉันของหวาน รีบฉัน เพื่อจะได้พูดกับแม่ชีถนอม  พอหลวงพ่อฉันอาหารเสร็จ

     หลวงพ่อท่านพูดกับแม่ชีถนอมว่า เออ ! หนอมมาก็ดีแล้ว หลวงพ่อจะสั่งวิชา วิชานั้นให้ทําอย่างนั้น  วิชานี้ให้ทําอย่างนี้ รีบไปทําวิชานะลูก รีบทํานะลูกนะ แล้วแม่ชีถนอมก็ก้มกราบหลวงพ่อ  คนทั้งหลายก็พากันกลับ หลวงพ่อไม่ได้รับสั่งให้พ้นจากการทําวิชา ตามข่าวที่ใคร ๆ เขาพูดกัน  ไม่ทราบเอาข่าวนี้มาอย่างไร แม่ชีจะกลับไปอยู่บ้านส่วนตัวที่จังหวัดอ่างทองก็กลับไม่ได้   เพราะหลวงพ่อท่านสั่งให้ทําวิชา มีแต่งานทําวิชาเพิ่มขึ้น หลวงพ่อสั่งเพิ่มขึ้นอีก  ใคร ๆ ก็ได้ยินกันว่าหลวงพ่อสั่งอย่างไร หลวงพ่อท่านมีรู้มีญาณหยั่งรู้ทันมารจะเอาคนเก่งพ้นไปจากหมู่พวกทําวิชาได้อย่างไร หลวงพ่อท่านทราบดี

     ตัวอย่างนี้ เขาเรียกว่า มารทําแผนผังระเบิด เพื่อให้คนเก่งพ้นไปทีละคน เมื่อเราหมดคนเก่ง  แล้วเราจะได้ใครไปสู้มาร คนสู้ต้องเก่งพอสมควร มีมากคนก็จริงอยู่ แต่ไม่ถึงขั้นเก่ง  อย่างงนี้แพ้เขาวันยังค่ํา คนทําวิชาชั้นสูงนอกจากจะมีความรู้ดีแล้ว ต้องหนักแน่น ต้องมักน้อย ต้องหูหนัก  ก็เห็นแต่หลวงพ่อของเราเท่านั้นที่จะทําได้ ตามที่เล่ามานี้เป็นตัวอย่างที่เราต้องใคร่ครวญและพิจารณา  ว่างานปราบมารนั้นทํายาก ต้องประอบด้วยปัจจัยหลายอย่าง

     เรามีแต่จะหาคนเก่งมาช่วย แต่กลับจะเอาคนเก่งหนีไปจากเรา เราจะทํางานใหญ่คือ งานปราบมาร    เราต้องหาธาตุธรรมนักรบเข้าไว้เป็นกองทัพ จะเสียอะไรไม่ว่า ขอให้ได้ผู้มีบุญนั้นเถิด เพื่อจะได้มาเป็นกําลังในงานปราบมาร ยิ่งเก่งกว่าเรายิ่งดี ขอให้เก่งกว่าเราเถิด  ขอให้เขาเข้าถึงวิชามากกว่าเราเถิด ขอให้เขาเป็นวิชามากกว่าเราเถิด เราปรารถนาถึงเข้าผู้นั้นจะเสียอะไรเท่าไรไม่ว่าเลย ขอให้เราได้พบคนเก่ง นี่คือความปรารถนาของหลวงพ่อ

     ดังนั้น ขอให้เราเรียนเรื่องราวของหลวงพ่อไว้ให้มาก เพื่อเป็นคติเตือนใจแก่เรา ที่ข้าพเจ้านํามาเล่านี้  ก็เพื่อให้เราได้ยินได้ฟังอะไรที่จะเป็นประโยชน์ต่อผู้มีบารมีธรรม ไม่ว่าอะไร อย่าเพิ่งด่วนตัดสินใจ  ต้องใคร่ครวญให้ดีก่อน

 

บางส่วนจากหนังสือ ปราบมาร 3 หน้า 87  :  อ่านทั้งหมด | หน้าแรก