โอวาทคุณลุง

       พวกเราต่างเดินทางมาพบลุงเพื่อประโยชน์สิ่งใด ? ลุงตรวจดูแล้วทราบว่า  ท่านเดินทางมาเพื่อบำเพ็ญบารมี  10 ประการนั่นเอง  ตำราทางพระพุทธศาสนาเรียกการบำเพ็ญบารมี 10 ประการนี้เรียกว่า “บุญกิริยาวัตถุ 10” มีรายละเอียดดังต่อไปนี้

1.ปัตตานุโมทนา

       แปลว่าบุญสำเร็จด้วยการอนุโมทนาส่วนบุญ  นั่นคือพวกเราที่เป็นวิทยากร  ไปสอนนักเรียนโรงเรียนใด? ได้ผลงานอย่างไร?  พวกเรานำผลงานมาเสนอต่อที่ประชุมประจำเดือน  แล้วสมาชิกทั้งปวงยกมือกล่าวอนุโมทนา  ทางบุญของกรณีนี้ทำได้ง่ายมาก  เราไม่ได้ทำร่วมกับเขา  เราไม่ได้ออกแรงอะไรเลย ?  เพียงแต่ประนมมือแล้วกล่าววาจาว่า “อนุโมทนา”  เราก็ได้บารมีแล้ว  ไม่มีทางการบุญใดง่ายกว่านี้อีกแล้ว

2.เวยยาวัจจมัย

      แปลว่าบุญสำเร็จด้วยการขวยขวายในกิจการที่ชอบ  บุญประเภทนี้ทำได้ยากมาก  หมายความว่า  งานที่ชอบนั้น  คืองานที่เราได้รับมอบหมายให้แต่ละคนไปทำ  เป็นงานที่ชอบที่ควร  เป็นงานถูกศีลธรรม  เช่น  มอบหมายให้คุณหมอนิพนธ์เป็นผู้ฝึกวิทยากร  มอบคุณชูชัยตรวจสอบความรู้วิทยากร  มอบคุณนรินทร์  มอบคุณประภาส  มอบคุณเกษม  เป็นผู้แสดงการสาธิตการฝึกต่างๆ  ให้วิทยากรดู  มอบคุณสหภูมิเป็นผู้จัดทำเอกสารปุจฉาวิสัชนา  มอบให้คุณภคพลพาวิทยากรไปสอนต่างประเทศ  เป็นต้น  การมอบหมายต่างๆนี้  คือ  เวยยาวัจจมัย  แต่พวกเราเป็นวิทยากรกันหมด  แปลว่าได้รับมอบหมายงานทั่วกันทุกคน

3.ทิฎฐุชุกัมม์

      แปลว่าการทำความเห็นให้ตรง  อย่างไรจึงเรียกว่าความเห็นตรง?  นั่นคือการสอนหลักสูตร 18 กาย  ที่เราสอนกันทุกวันนี้  เป็นความเห็นที่ตรงที่สุด!  เพราะเหตุว่าไม่มีใครทำได้ผลเท่าคณะของพวกเรา  ความรู้การฝึกก็ดี  ความรู้การต่อวิชาก็ดี  เทคนิควิธีอื่นก็ดี  พวกเราทำได้อย่างรวบรัดรวดเร็ว  ได้ผลมาก!  จึงเรียกว่า  ทิฎฐุชุกัมม์

4.อปจายนมัย

      แปลว่าบุญสำเร็จด้วยการถ่อมตนแก่ผู้ใหญ่  พวกเรามารวมกันเป็นหมู่คณะ  ตามอุดมการณ์ร่วมกันว่า  เราจะมาเผยแพร่ธรรม  คณะของเรามีเด็กมีผู้ใหญ่  ตามหน้าที่การงานที่เรารู้เห็นกันอยู่  เราต่างมีความเคารพกันและกัน  เราให้ความเคารพหัวหน้าสาย  เราให้ความเคารพแก่ผู้ควบคุมวิชา  เราให้ความเคารพแก่ลุง  เพราะลุงเป็นผู้สูงด้วยคุณธรรม  จึงเรียกว่า อปจายนมัย

5.ธัมมเทสนามัย

      แปลว่าบุญสำเร็จด้วยการแสดงธรรม  พระเทศน์ให้เราฟัง  นั่นคือธัมมเทสนามัย  แต่ธรรมที่ลุงสอนพวกเราเรียนประจำเดือนนั้น  เป็นธรรมชั้นสูง  ไม่มีใครสอนได้  ลุงอธิบายให้พวกเราฟังทุกเดือน  เทียบแล้วก็คือ ธัมมเทสนามัย  หรือการสาธิตการสอนของคุณนรินทร์  นั่นคือ  ธัมมเทสนามัย

6.ปัตติทานมัย

      แปลว่าบุญสำเร็จด้วยการให้ส่วนบุญ  เรื่องนี้ไม่ยาก  พวกเราเข้าใจแล้ว  เวลาเราคำนวณบารมีนั้น  เราอุทิศให้แก่ญาติของเราคือ  พ่อ แม่ พี่ น้อง บุตร ภรรยา  นี่คือ  ปัตติทานมัยp

7.ทานมัย

       แปลว่าบุญสำเร็จด้วยการบริจาคทาน  เรื่องนี้พวกเราเข้าใจแล้ว  ได้แก่  การใส่บาตร  ทอดผ้าป่า  แก่ผู้มีศีล  แก่ผู้มีธรรม

8.สีลมัย

      แปลว่าบุญสำเร็จด้วยการรักษาศีล  เรื่องนี้พวกเราเข้าใจแล้วได้แก่  การรักษาศีล 5-8-10-227  ดังที่อุบาสก  อุบาสิกา  สามเณร  พระภิกษุสงฆ์  ปฎิบัติกันอยู่

9.ภาวนามัย

      แปลว่าบุญสำเร็จด้วยการเจริญภาวนา  การทำใจให้สว่างใส  มีวิธีการเจริญภาวนาอย่างไร ?  พวกเราฝึกกันอยู่แล้ว  แต่พวกเราเจริญภาวนาหลักสูตรสูงกว่านั้นมากมายนัก  ดังนั้นเดือนหนึ่งๆพวกเราโกยบุญมากมายทีเดียว

10.ธัมมัสสวนมัย

      แปลว่าบุญสำเร็จด้วยการฟังธรรม  คือการฟังเทศน์นั่นเองแต่พวกเรามาฟังวิชาธรรมกายที่ลุงอธิบายประจำเดือน  เป็นความรู้สูง  ไม่มีใครแสดงได้  ยากยิ่งกว่าอะไรทั้งนั้น  ไปฟังใครเทศน์ที่ไหน ?  ก็ไม่มีความรู้อย่างนี้  แต่การเทศน์ทั่วไปนั้น  พวกเราเห็นกันอยู่ทุกวัน  ไม่ต้องอธิบาย  เพราะเป็นที่เข้าใจกันอยู่แล้ว  การฟังลุงบรรยายนี่คือสุดยอดยิ่งกว่าอะไรทั้งนั้น

      สรุปแล้ว พระพุทธองค์ทรงวางแนวทางการสร้างบารมีให้แก่ชาวโลกไว้  เรียกว่า  “บุญกิริยาวัตถุ 10”  ซึ่งเป็นเส้นทาง 10 สายดังที่ได้กล่าวมานี้  พวกเรามาพบลุงครั้งหนึ่ง  ได้บำเพ็ญบุญกิริยาวัตถุ  10  ประการ  ขอให้พวกเราทุกคนไปท่องให้จำได้  บุญกิริยาวัตถุ  10 ประการมีอะไรบ้าง ?  ใครทำได้เพียงใด ?  ต้องตรวจสอบตัวเองว่า  เราทำอะไรไปบ้าง ?  ได้อะไรแค่ไหนแล้ว ?

 

บางส่วนจากหนังสือ ปุจฉาวิสัชนา-วิชาธรรมกาย หน้า 13  :  อ่านทั้งหมด | หน้าแรก