หลวงพ่อวัดปากน้ำ

 

การปลูกฝังการศึกษาปริยัติธรรมและวิปัสสนาธุระ
ของหลวงพ่อวัดปากน้ำเอาเป็นแบบอย่างได้

     หลวงพ่อวัดปากน้ำได้ปลูกฝังงานการศึกษา ทั้งฝ่ายปริยัติธรรมและวิปัสสนาธุระ ที่วัดปากน้ำ เขตภาษีเจริญ กรุงเทพมหานคร ในสมัยที่หลวงพ่อมีชีวิตอยู่นั้น ถือเป็นแบบอย่าง ได้อย่างดี

     การศึกษาด้านปริยัติธรรม คือ การศึกษานักธรรมและบาลีนั้น ไม่ต้องอธิบายเลย เพราะเราเห็นอยู่และเข้าใจดีแล้ว ขณะนี้ที่ไหนๆ ก็จัดได้ ไม่เป็นที่ข้องใจแก่เรา มีหลักสูตร มีครู มีสถานที่ เราก็ทำได้แล้ว ไม่ยากอะไร

     การศึกษาด้านวิปัสสนาธุระ คือ การศึกษาเพื่อแจ้งนิพพานนั้นเป็นเรื่องยากยิ่งกว่าอะไรทั้งหลาย แม้มีเงินมีสถานที่ มีวัสดุอุปกรณ์เครื่องใช้ เราก็ดำเนินการศึกษาไม่ได้ เพราะขาดหลักสูตร แม้ตำราวิสุทธิมรรคมีให้เราศึกษาก็จริง เราจะจัดการด้านวิปัสสนาธุระไม่ได้ เหตุผลที่ วัดปากน้ำภาษีเจริญ จัดการศึกษาด้านวิปัสสนาธุระขึ้นได้ ก็เพราะหลวงพ่อท่านบรรลุวิชาธรรมกาย คือท่านบรรลุวิธีทำใจให้ใสตามคำสอนของพระศาสดาข้อที่ ๓ ที่ว่า สจิตฺตปริโยทปนํ ท่านสามารถกำหนดหลักสูตรวิชาวิปัสสนาธุระได้ เมื่อมีหลักสูตรแล้ว หลวงพ่อก็หาครู ครูจึงได้แก่ผู้บรรลุวิชาตามที่หลวงพ่อสอน เพียงเท่านี้ หลวงพ่อก็สามารถตั้งโรงเรียนวิปัสสนาธุระได้ที่ วัดปากน้ำ โดยหลวงพ่อท่านเป็นอาจารย์ใหญ่ เป็นผู้ควบคุมดำเนินการสอน หนังสือหลักสูตรที่หลวงพ่อพิมพ์ขึ้นใช้สมัยหลวงพ่อมี ๒ เล่ม คือ

     ๑. หนังสือมรรคผลนิพพาน (หนังสือ ๑๘ กาย)

     ๒. หนังสือคู่มือสมภาร

     ข้อเสียอย่างหนึ่ง ที่หลวงพ่อลืมนึกถึง ในการตั้งโรงเรียนวิปัสสนาธุระคือ ไม่ได้ขึ้นป้ายอย่างเป็นทางการ คงตั้งโรงเรียนปริยัติธรรมอย่างเป็นทางการอย่างเดียว คือ โรงเรียนปริยัติธรรมภาวนานุสนธิ์ ตั้งแต่ปี ๒๔๙๓ เท่านั้น

     กลับมาดูงานตั้งโรงเรียนวิปัสสนาธุระของหลวงพ่อกันใหม่ อันที่จริง หลวงพ่อท่านตั้งแล้ว แต่ไม่เป็นทางการเท่านั้น หลวงพ่อท่านเรียกโรงเรียนวิปัสสนาธุระในวัดปากน้ำว่า “โรงงาน” แต่พระทิพย์ปริญญา ท่านว่า คือ กุฏิที่หลวงพ่อใช้สอนวิปัสสนาชั้นสูง ขั้นทำวิชาปราบมาร ผู้ที่จะเข้าเรียนวิชาระดับนี้ หลวงพ่อท่านเฟ้นเอาแต่ระดับหัวกะทิเท่านั้น ส่วนท่านที่เรียนทั่วไป มี ๒ อาจารย์ คือ หลวงพ่อท่านสอนเองบนศาลาบำเพ็ญบุญ และศิษย์ของท่าน หากใครเรียนเก่งถึงขั้นที่หลวงพ่อจะตั้งเงินเดือนให้ หลวงพ่อท่านก็ตั้งเงินเดือนให้ ทราบว่าหัวหน้าเวรเดือนละ ๓๐๐ บาท รองหัวหน้าเวร ๑๕๐ บาท ลูกเวร ๗๐ บาท อาหารการกินอยู่กับกงสีใหญ่ ที่อยู่อาศัย ยารักษาโรค อยู่กับกงสีใหญ่คือ หลวงพ่อ สรุปแล้วหลวงพ่อท่านตั้งโรงเรียนวิปัสสนาธุระขึ้นแล้ว เป็นโรงเรียนกินนอน ที่เราได้ยินว่า “โรงงาน” นั่นเอง

     หลักสูตรวิปัสสนาธุระ หลวงพ่อท่านพิมพ์ขึ้น ๒ เล่ม ระดับชั้นมูลใช้หนังสือมรรคผลนิพพาน ๑๘ กาย ระดับมัธยมใช้หนังสือคู่มือสมภาร ส่วนระดับอุดมศึกษาใช้หนังสือมรรคผลพิสดาร ซึ่งหลวงพ่อสอนเอง (หนังสือมรรคผลพิสดารท่านเจ้าคุณภาวนาฯ อาจารย์วีระ พิมพ์เมื่อ พ.ศ. ๒๕๑๗)

     สรุปแล้ว หลวงพ่อท่านวางรากฐานการศึกษาปริยัติธรรมและการศึกษาวิปัสสนาธุระที่วัดปากน้ำ อย่างสมบูรณ์แล้ว ถือเป็นแบบอย่างได้เป็นอย่างดี

     ท่านอยากทราบว่า การศึกษาปริยัติธรรมกับการเรียนวิปัสสนาต่างกันอย่างไร

     การเรียนปริยัติธรรม เราลืมตาเรียน แต่การเรียนวิปัสสนาต้องหลับตาเรียน

     การเรียนปริยัติธรรม ต้องท่องจำ เข้าใจ แต่การเรียนวิปัสสนาต้องนั่งสมาธิทำใจ ฝึกใจ ไปตามหลักสูตรที่หลวงพ่อกำหนดไว้

     การวัดผลด้านปริยัติธรรม ต้องสอบในสนามหลวง ส่วนการวัดผลด้านวิปัสสนา อาจารย์วิปัสสนาเป็นผู้ชี้ขาด ว่าใครมีความรู้ระดับใด ครั้งนั้นยังไม่มีใบประกาศนียบัตรให้ ได้แต่ยอมรับกันเองในหมู่พวกเรากันเอง

     ผู้เขียนยอมรับว่าหลวงพ่อมีอภินิหาร ที่สามารถฟื้นฟูวิปัสสนาธุระขึ้นมาได้

     เพราะวิปัสสนา เป็นธุระที่เราควรทำ เพื่อเกิดสภาพแห่งใจใส สภาพแห่งใจใสก่อให้เกิดคุณธรรมแก่ใจตน

     คุณธรรมที่ว่านี้คือ หิริโอตตัปปะ และคนที่มีสภาพใจเป็นหิริโอตตัปปะเป็นคนที่สังคมปรารถนา

     ปัญหาน้อยใหญ่เกิดแก่ชาติบ้านเมืองเราก็ดี เกิดแก่โลกก็ดี มูลเหตุมาจากคนที่มีสภาพใจขุ่นมัวทั้งสิ้น

     ดังนั้น สำนักใดที่มีแต่การศึกษาปริยัติธรรมเพียงอย่างเดียว ย่อมแสดงว่า จัดการศึกษาไม่ครบองค์ตามคติทางพระศาสนา คนของเราจะเจริญแต่ความรู้ แต่ขาดการเจริญทางใจ ส่งผลให้คนของเราทำกรรมบาปอยู่ดี และเมื่อมีการทำกรรมชั่วเกิดขึ้น จะส่งผลกระทบต่อสังคมทันที คือสังคมจะมีแต่ความทุกข์ร้อน แม้เราไม่ได้ทำ แต่เราก็พลอยได้ทุกข์ไปกับเขาด้วย เหมือน ตีวัวกระทบคราด หยิกเล็บแล้วเจ็บเนื้อ ถึงเราจะจัดปริยัติธรรมได้ดีปานใด หากไม่จัดการศึกษาวิปัสสนา เราก็ตกอยู่ใน “ความประมาท” อยู่ดี ไม่ว่านักปราชญ์ไหน ท่านจะว่าเราประมาททั้งนั้น

     ครั้นเราได้โต้ว่าขาดตำรา ขาดครู พูดได้ แต่ฟังไม่ขึ้น เพราะเราทราบทั่วกันว่า วัดปากน้ำภาษีเจริญให้บริการทุกอย่าง หากขาดตำราขอไปได้ หากส่งคนไปเรียน ปัญหาขาดครูสอนก็จะหมดไป

 

บางส่วนจากหนังสือ อภินิหารหลวงพ่อวัดปากน้ำ หน้า 49 : อ่านเพิ่มเติม