ปราบมาร 1

นรก อเวจี โลกันต์

     นรก อเวจี โลกันต์ เป็นอายตนะมืดอยู่ในภพ ๓

     มีไว้สําหรับเอาสัตว์โลกที่ไม่ปฏิบัติตามคําสอนของพระศาสดาไปขังไว้ใครปฏิบัติตามคําสอนของพระศาสดาผู้นั้นรอดตัวไป หากใครผิดพลาดเข้า ย่อมไปสู่นรก อเวจี โลกันต์ ตามผลแห่งกรรมของตน อย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ คนที่สร้างเวร มารเขาก็คํานวณดวงบาปให้ เพราะเขาปกครองเขาจึงบังคับให้ทําบาปได้ เราทําเพราะถูกบังคับ โดยที่เราไม่รู้ว่าเขาบังคับ ได้เวลาโกรธ เราแสดงความโกรธ พอเขาปล่อยวิชาสิทธิ เฉียบขาด เราจะคว้าปืนยิงเพื่อนทันที เขาก็คํานวณดวงดําให้ทันทีติดไว้ที่กําเนิดเดิมของเรา ครั้นกายมนุษย์แตกดับ คือ ตาย ดวงบาปก็หมุนซ้าย พิสดารไปทั่วกาย ใจ จิต วิญญาณ ยิงส่งเราไปลงนรกทันที ถ้าดวงดําขนาดโต จะส่งไปอเวจี หากดวงบาปโตไปกว่านั้นอีก จะส่งให้ไปถึงถึงโลกันต์

     นรก อเวจี และโลกันต์ เขามีเครื่องดึงดูด จะดูดให้ลงลึกไปเรื่อย ๆ มีการจ่ายแจกไปตามทิศต่าง ๆ เป็นขุม เสร็จขุมนั้นมาขุมนี้ นับไม่ถ้วน โอกาสที่จะกลับมาเกิดอีกนั้นยากนัก 

     ไม่มีใครอยากลง แต่ก็ต้องลง เพราะดวงบาปมีเครื่องบังคับ ผมเคยเตือนสติคนไข้ใกล้ตาย ให้บริกรรม สัม มา อะ ระ หัง บางรายได้สติ บางรายไม่ได้ผล รายที่ไม่ได้ผลได้แก่ท่านที่สร้างบาปกรรมเวรไว้มาก เขาจะนึกถึงผลบุญของเขาไม่ได้ เพราะดวงบาปห่อหุ้มใจหนาแน่น ส่วนท่านที่ทํากรรมเล็กน้อย สัม มา อะ ระ หัง ช่วยได้หมด เมื่อเขาบริกรรม สัม มา อะ ระ หัง แล้ว เขาได้สติทําให้นึกถึงผลบุญได้ ครั้นนึกได้แล้วจะนึกได้ติดต่อกันไป  จนในที่สุดเห็นดวงปฐมมรรคอย่างนี้ก็โชคดีไป

     คราวนี้มาพูดกันในแนวพิสดารว่า นรก อเวจี โลกันต์ เกี่ยวข้องกับงานปราบมารอย่างไร แต่แรกผมไม่ได้คิดอะไร ทําวิชาปราบมารไปเรื่อย ๆ บนเส้นทางแห่งการปราบมารนั้นเองจึงทราบว่า ใครปฏิบัติตามคําสอนของพระศาสดา ผู้นั้นเป็นสาวกของพระพุทธองค์ ใครไม่ปฏิบัติตามคําสอนของพระศาสดามารเขาจะเป็นผู้ปกครอง ที่ร้ายยิ่งไปกว่านั้นก็คือ ท่านที่ปฏิบัติตามคําสอนของพระศาสดาอยู่แล้ว มารเข้ามาแย่งปกครองอีก แต่เดิมเขาปฏิบัติดีปฏิบัติชอบ ต่อมาปฏิบัติผิดคําสอนของพระศาสดา เขาประกอบกรรมบาป ไม่ทํากุศลเสียแล้ว กรณีอย่างนี้เรียกว่า มารสอดละเอียดเข้ามาก้าวก่ายอํานาจปกครองของพระศาสดา ทําให้สาวกของพระองค์ลดจํานวนลง คนหันไปทํากรรมชั่วไม่ประกอบการกุศล ครั้นเขาตายไป เขาไปอยู่อบายภูมิคือ นรก อเวจี โลกันต์

     ดังนั้น นรก อเวจี และโลกันต์คือเครื่องมือของมารเป็นที่เก็บเชลย เป็นที่กักขังสัตว์โลก  ทําให้สัตว์โลกล่าช้าต่อมรรคผลนิพพาน เพราะเมื่อไปสู่อบายภูมิเสียแล้ว ยากต่อการมาเกิดสร้างบารมีเพิ่มเติม ในเมื่อทําวิชาปราบมารมาพบเรื่องนี้เข้า ถามว่าผมจะทําอย่างไร เป็นวิถีทางของวิชาปราบมารมาพบปัญหาเช่นนี้  เราจะแก้ไขอะไรอย่างไร พวกเราถูกมารเอามากักขัง ถูกเขาลงโทษนานาประการ ท่านจะคิดเรื่องนี้อย่างไร  ดูว่าอะไรต่อมิอะไรเกินกําลังปัญญาของเรา ตรึกนึกตรองอยู่แต่เรื่องนี้ ไปงานศพไม่รู้กี่งาน  เห็นผู้มีเกียรติมาในงานมากหลาย เห็นการประดับศพหรูหรา แปลว่าผู้ตายมีความดี แต่พอเข้าวิชาตรวจดู  ทราบว่าผู้ตายไปสู่ทุคติ ไปงานไหนพบแต่อย่างนี้ นึกโกรธในใจว่า หลวงพ่อวัดปากน้ําสอนทําใจเข้าถึงธรรมกาย ทําไมไม่เรียนกัน ผมคนหนึ่งที่เผยแพร่เรื่องนี้มามากต่อมาก เหตุใดพวกเราไม่สนใจ ตกนรกเสียบ้างก็ดีเหมือนกัน ด้วยเหตุที่ไม่รู้ค่าของวิชาธรรมกาย วิชาธรรมกายป้องกันนรกได้ ป้องกันอบายภูมิทั้งหลายทั้งปวงได้

     ต่อมา ได้เข้านิพพานที่ละเอียด ทูลถามพระองค์ว่า นรก อเวจี และโลกันต์  มีความเป็นมาอย่างไร การคิดแก้ไขเคยมีมาอย่างไรหรือไม่ ทรงตอบว่า นรก อเวจีและโลกันต์  เป็นของคู่ภพมาแต่ไหนแต่ไร เมื่อครั้งพระองค์ทรงมาตรัสรู้เป็นสัพพัญญูในโลก ก็เห็นมีอยู่อย่างนั้น  การคิดแตะต้องนั้น เห็นหลวงพ่อวัดปากน้ําคิดอยู่ แต่ยังไม่ทันได้ทําอะไร หลวงพ่อก็มรณภาพเสียก่อน  ธรรมภาคมารเกิดก่อนธรรมภาคบุญ นรก อเวจี โลกันต์มีมาแต่ครั้งนั้น การปกครองครั้งกระนั้นไม่ก้าวก่ายกัน  ใครไม่ปฏิบัติตามคําสอนของพระศาสดา ตายไปแล้วก็ตกนรก ใครปฏิบัติตามคําสอนของพระศาสดา  ตายแล้วไปสู่สวรรค์ ต่อมามารเล่นไม่ซื่อ คิดศาสนาเลียนแบบหลายรูปแบบ เลียนแบบของพระศาสดา  มีเจตนาจะเอาสัตว์โลกลงนรกนั่นเอง ธรรมภาคบุญไม่ยอม เพราะเป็นการให้ความเดือดร้อนแก่สัตว์โลก  ด้วยการแอบอ้างและเลียนแบบข้าง ๆ คู ๆ เท่านั้นเอง การก้าวก่ายก็เกิดขึ้น แรก ๆ ไม่สู้กระไร  ต่อมาถึงขนาดต่อสู้กันด้วยวิชาชั้นสูง เหตุการณ์จึงแปรเปลี่ยนและความรู้บางอย่างแปรเปลี่ยน  พุทธพยากรณ์บางอย่างแปรเปลี่ยนไป ทั้งนี้ต่างฝ่ายต่างรักษาไว้ซึ่งอํานาจปกครอง คราวใดธรรมภาคบุญได้เปรียบ  ผู้คนจะอยู่ในศีลในธรรม และถ้าหากคราวใดธรรมภาคบุญพลาดพลั้ง มนุษย์โลกจะทํากรรมชั่วกันมาก  มรรคผลนิพพานไม่มี มีแต่ข้าวยากของแพง แห้งแล้งเหี้ยนเตียน เกิดสงคราม เกิดกลียุค และสารพัดล้วนแต่ไม่ดีทั้งนั้น

“ เย ธมฺมา เหตุปฺปภวา...ฯ ”

     ธรรมเหล่าใด มีเหตุเป็นแดนเกิด พระตถาคตเจ้าทรงแสดงเหตุเกิดและเหตุดับของธรรม เหล่านั้น

     เหตุ มีต้น กลาง ปลาย อ่อน แก่ หยาบ ละเอียด

     เหตุหยาบ รู้เห็นได้ด้วยญาณทัสสนะ

     เหตุละเอียด รู้เห็นไม่ได้ด้วยญาณทัสสนะ จะให้รู้เห็นด้วยญาณทัสสนะ จะต้องทําละเอียดให้หยาบ

     เหตุลับ ค้นหาพบได้ยาก ต้องการจะให้พบจะต้องคํานวณวิชาให้ละเอียด จึงจะพบความลับนั้น

     เหตุแก่ ทําวิชาไว้สลับซับซ้อน ยากต่อการแก้

     เหตุต้น เหตุกลาง เหตุปลาย ต้นหมายถึงธาตุธรรมแก่กล้า กลางหมายถึงธาตุธรรมยังไม่แก่กล้าเท่าไร  ปลายหมายถึงธาตุธรรมไม่แก่กล้า ในการเดินวิชา เขาทํากลางให้เป็นต้น และทําปลายให้เป็นกลาง  ส่วนเรื่องของต้นเขา เดินวิชาให้เป็น ต้นในต้น ทําให้ต้นแก่กล้ายิ่งขึ้น

     ความมากของเหตุ ทั้งต้น กลาง ปลาย อ่อน แก่ หยาบ ละเอียด ล้วนแต่มีจํานวนมากมาย เป็นเถา ชุด ชั้น ตอน ภาค พืด ในเถา ในชุด... ฯลฯ คือ มีทั้งจํานวนมากและละเอียด แต่ละอย่างนับไม่ถ้วนทั้งนั้น  คําว่ามากและละเอียดนั้น ศัพท์ทางวิชาธรรมกายเคยใช้ “เซฟทะเลเหตุทะเล”

     พระศาสดาทรงสอนให้ค้นคว้าหาเหตุคือ หาที่เกิดพบแล้วให้ดับเหตุอันนั้น เมื่อเหตุอันนั้นถูกดับ  ความทุกข์จะได้ไม่เกิดขึ้น วิธีค้นหาเหตุและวิธีดับเหตุ เป็นความรู้ชั้นสูง เรียกว่า วิชาอาสวักขยญาณ  หรือที่เรียกว่าวิชาธรรมกายชั้นสูง ซึ่งเราจะได้เรียนต่อไปนี้

 

 

บางส่วนจากหนังสือ ปราบมาร 1 หน้า 9  :  อ่านทั้งหมด | หน้าแรก