หลวงพ่อวัดปากน้ำ

สมเด็จป๋าทรงร้องไห้ขณะดำเนินนำศพหลวงพ่อ

     เป็นเหตุการณ์ที่ผู้เขียนได้พบเห็นวันนั้น เรื่องมีอยู่ว่า วันนั้นเป็นวันนำศพหลวงพ่อเวียนรอบอุโบสถ โดยมีสมเด็จป๋า (ขณะนั้นมีสมณศักดิ์เป็นสมเด็จพระวันรัต) ทรงนำหน้าศพ สมเด็จป๋าทรงร้องไห้ คงจะกลั้นพระทัยไม่อยู่ เป็นที่ประจักษ์แก่ศิษย์หลวงพ่อในวันนั้น เราทั้งหลายไม่ว่าใครร้องไห้กันทั้งนั้น ประหนึ่งว่านัดกันมาร้องไห้ ทุกคนโศกใจที่หลวงพ่อของเขามรณภาพ ซึ่งขณะนี้กำลังนำศพเวียนรอบพระอุโบสถ ตามพิธีประกอบการกุศลทางศาสนา

     สมเด็จป๋าทรงเป็นหลานของหลวงพ่อ ศิษย์หลวงพ่อคงทราบกันไม่มาก แต่ประทับใจที่พระเถระผู้ใหญ่แสดงความเศร้าโศกต่อการมรณภาพของหลวงพ่อ เหตุการณ์ทางสงฆ์ต่างกังวลถึงพระเถระชั้นผู้ใหญ่ ที่จะมาดำรงตำแหน่งเจ้าอาวาสวัดปากน้ำสืบแทนหลวงพ่อ เพราะวัดปากน้ำมีภิกษุสามเณรมาก รวมทั้งอุบาสกและอุบาสิกาอีก จำนวนไม่น้อย กิจการทางศาสนาในวัดปากน้ำมีมากมาย การเลี้ยงและการศึกษาอบรม ล้วนแต่เป็นเรื่องต้องใช้ทุนรอนทั้งนั้น ท่านใดเหมาะสม สมควรที่จะส่งมารักษาการในตำแหน่งเจ้าอาวาสวัดปากน้ำ นี่คือเรื่องที่ทางคณะสงฆ์ขบไม่แตก

     ในที่สุดคณะสงฆ์แต่งตั้งสมเด็จป๋าให้มารักษาการเจ้าอาวาสวัดปากน้ำ ท่ามกลางความยินดีแก่ศิษย์หลวงพ่อทั่วไป เพราะวันนำศพหลวงพ่อเวียนรอบพระอุโบสถ ศิษย์หลวงพ่อ ต่างประทับใจในการที่สมเด็จป๋าทรงกันแสง เป็นการแสดงความเสียใจแก่ศิษย์หลวงพ่อ ที่นัดหมายกันมาร้องไห้ในวันนั้น ไม่ใช่ศิษย์หลวงพ่อเสียใจเท่านั้น แม้สมเด็จป๋าก็ยังทรงเสียพระทัยด้วย หากจะถามผู้เขียนว่า ใครเสียใจมากที่สุด ผู้เขียนขอตอบว่า สมเด็จป๋าทรงเสียพระทัยมากกว่าใครๆ โดยมีเหตุผลชี้แจงว่า สมเด็จป๋าทรงอยู่กับหลวงพ่อมานาน ตั้งแต่ครั้งยังไม่มีสมณศักดิ์ ครั้น สมเด็จป๋ามีสมณศักดิ์เป็นพระราชาคณะ สมเด็จฯ ก็ยังติดต่อกับหลวงพ่อในฐานะหลานกับอา หากป๋าหายไปนาน หลวงพ่อมักบ่นว่า “ธรรมดิลกวัดโพธิ์ไม่อยู่” (ขณะนั้นป๋ามีสมณศักดิ์เป็น พระธรรมดิลก เจ้าอาวาสวัดโพธิ์) และมิช้ามินานป๋าก็จะต้องมาหาหลวงพ่อ บางครั้งหลวงพ่อบ่นว่า “วัดโพธิ์ไปไหน” หากหลวงพ่อบ่นลอยๆ เช่นนี้ ป๋าต้องมาหาหลวงพ่อทันที ไม่วันนี้ก็พรุ่งนี้ เหตุที่เป็นเช่นนี้ก็เพราะอานุภาพธรรมกายของหลวงพ่อนั่นเอง

     สมเด็จป๋าทรงได้รับความนิยมสูงสุดจากปวงชนทุกหมู่เหล่า จะไม่ได้รับความนิยมได้อย่างไร หลวงพ่อวัดปากน้ำ ท่านอบรม (ติวเข้ม) หลานของท่านอยู่เรื่อย ป๋าอาจโตในที่อื่นๆ เนื่องจากมีตำแหน่งสมณศักดิ์สูง แต่กับหลวงพ่อแล้วป๋าไม่โตเลย หลวงพ่อรักป๋ามาก หากป๋าหายไป หลวงพ่อจะบ่นทันที ป๋าต้องอยู่ในสายตาของหลวงพ่อตลอด

     แปลกแต่จริงก็คือ ป๋าไม่เชื่อหลวงพ่อ หลวงพ่อพยากรณ์ว่า ป๋าจะได้เลื่อนเป็นสมเด็จพระสังฆราช ป๋าก็ไม่เชื่อ ที่สำคัญก็คือ ไม่เชื่อในวิชาธรรมกายของหลวงพ่อ แม้หลวงพ่อจะเรืองนามในอานุภาพธรรมกายปานใด ป๋าก็ยังไม่เชื่อหลวงพ่อยู่ดี เพิ่งจะเชื่อตอนที่ป๋าป่วยปอดเป็นจุดนี่เอง

     โดยเหตุที่ผู้เขียนเคยถวายการรับใช้ป๋า ตอนที่ป๋ามีสมณศักดิ์เป็นสมเด็จพระวันรัต และผู้เขียนรับราชการเป็นครูโรงเรียนวัดบวรนิเวศ ป๋าฝากเด็กเข้าเรียนที่โรงเรียนวัดบวรนิเวศทุกปี ป๋าเล่าให้ฟังว่า ป๋าป่วย หมอบอกว่าปอดเป็นจุด ป๋าเสวยยายาก จะไปให้หลวงพ่อท่านแก้ โดยวิชาธรรมกายก็นึกอายท่าน เพราะเราไม่เชื่อหลวงพ่อเป็นทุนอยู่แล้ว จึงนำตำราหลวงพ่อมาอ่านดู ว่าท่านภาวนา สัม มา อะ ระ หัง อย่างไร ไม่รับกิจนิมนต์ ๗ วัน หลบแขกไปหาสถานที่ทำภาวนาที่อื่น ภาวนา สัม มา อะ ระ หัง อยู่ ๗ วัน แล้วไปให้หมดฉายแสงดูใหม่ หมอเขาบอกว่าจุดที่ปอดหายไปแล้ว ดีพระทัย แต่นั้นมาก็หมั่นฝึก แต่ภารกิจทางสงฆ์มากมายเหลือเกิน การฝึกได้ผลครึ่งๆ กลางๆ

     ป๋าเคืองหลวงพ่ออยู่เรื่องหนึ่ง ป๋าเล่าให้ผู้เขียนฟังเอง คือ เรื่องพระของขวัญ ป๋าอยากได้อีกองค์หนึ่ง ที่ได้ไว้แต่เดิม ๑ องค์นั้น ได้ให้เด็กไปเสียแล้ว เกิดความสงสารเด็กคนนั้นคราวเสด็จไปตรวจสนาม สอบต่างจังหวัด เลยควักจากย่ามมอบแกเด็กผู้นั้นไป มีความประสงค์อยากได้อีก ๑ องค์ จึงหาโอกาสไปเลียบเคียงหลวงพ่อ พยายามอยู่หลายครั้ง พอหลวงพ่อทราบว่าจะมาเอาพระ หลวงพ่อจะเปลี่ยนเรื่องพูดทันที ทำเป็นไม่ทราบว่าจะเอาพระ และกลบเกลื่อนเรื่อง แปลว่า หลวงพ่อไม่ให้

     อีกเรื่องหนึ่งที่ป๋าทรงเล่าเอง ก็คือ เรื่องพระของขวัญ ข่าวทราบไปถึงป๋าว่า มีคนนำเงินไปถวายหลวงพ่อถึง ๒๐๐,๐๐ บาท แต่หลวงพ่อมอบพระของขวัญให้แก่ผู้บริจาคเพียงองค์เดียว ป๋ารับสั่งว่า หลวงพ่อเราน่าจะให้พระเขามากกว่านั้น ป๋าจะไปวัดปากน้ำ จะลองถามหลวงพ่อดูสักที เหตุใดจึงให้พระเขาเพียงองค์เดียว พวกเราบูชากันแค่องค์ละ ๒๕ บาท แต่นี่เขาถวายถึง ๒๐๐,๐๐๐ บาท น่าจะให้พระแก่เขาหลายๆ องค์ ผู้เขียนได้ฟังแค่นั้น ไม่ทราบว่าป๋ามาพบหลวงพ่อด้วยเรื่องนี้อีกหรือเปล่า

     มาทราบเรื่องที่ป๋าไปพบหลวงพ่อจริงๆ เกี่ยวด้วยเรื่องถวาย ๒๐๐,๐๐๐ บาท แล้วหลวงพ่อให้พระของขวัญ ๑ องค์ ก็คือ ได้อ่านนิพนธ์ของป๋าที่เขียนให้แก่วัดปากน้ำ ในนิพนธ์นั้นกล่าวว่า ป๋าถามหลวงพ่อว่า เขาถวายเงินแก่วัด ๒๐๐,๐๐๐ บาท เหตุใดหลวงพ่อไม่ให้พระของขวัญสัก ๑๐ องค์ หลวงพ่อตอบว่า พระของขวัญ ๑ องค์นั้นมีค่ามากกว่าเงินเป็นไหน ๆ เมื่อหลวงพ่อตอบเช่นนั้น ป๋าก็ทรงเงียบและทรงเงียบต่อไป อยากชนะหลวงพ่อสักครั้ง แต่ผิดหวัง

     ป๋าไม่เคยชนะหลวงพ่อเลย ไม่ว่าเรื่องใด หลวงพ่อชนะทุกเรื่อง หลวงพ่อตอบแล้วก็อบรมไปทุกเรื่อง แถมยังติวเข้มอีก หลวงพ่อรักป๋า ป๋าก็รู้ ว่ากล่าวทุกอย่างป๋ารับฟัง แปลว่าป๋าทรงเกิดมาเป็นคู่บุญของหลวงพ่อ และหลวงพ่อก็มีป๋าเป็นที่ปรึกษา หากไม่มีป๋าก็ไม่สนุก และหากไม่มี หลวงพ่อป๋าก็วังเวง ภาพยนตร์ของหลวงพ่อมีหลวงพ่อเป็นพระเอก ป๋าทรงเป็นพระรอง ฉายที่ไหนมีคนดูล้นหลาม บัดนี้ไม่มีฉายแล้ว ไม่มีทั้งหลวงพ่อและไม่มีป๋า เป็นเคราะห์กรรมของเราจริงๆ คิดถึงหลวงพ่อและคิดถึงป๋า เราได้แต่กราบภาพถ่าย ชีวิตแห่งการสร้างบารมีของพวกเราไม่สนุกเหมือนสมัยหลวงพ่อมีชีวิตอยู่ สมมุติว่า ป๋าเป็นธรรมกายเชี่ยวชาญอย่างหลวงพ่อ ภาพยนต์เรื่องนี้จะมีรสชาติกว่าอะไรทั้งหลายในโลกทีเดียว

 

บางส่วนจากหนังสือ อภินิหารหลวงพ่อวัดปากน้ำ หน้า 45 : อ่านเพิ่มเติม