ภาคฝึกการพัฒนาใจ

    การฝึกพัฒนาใจตามคำสอนของพระศาสดาข้อ ๓ ที่ว่า  สจิตฺตปริโยทปนํ  ซึ่งแปลว่า  ทำใจให้สว่างใสนั้น  มีการฝึกเป็น ๒ แบบ  คือฝึกเฉพาะตน  และฝึกเป็นหมู่คณะ  มีข้อแนะนำดังนี้ 

๑. การฝึกเฉพาะตน 

     จะต้องเคร่งต่อตนเอง  ว่าจะฝึกนานเท่าไร  จะต้องหาสถานที่สงบ  หาอุปกรณ์การฝึกไว้เฉพาะตน  เช่น  ดวงแก้วกลมขาวใส  ภาพแสดงทางเดินของใจ ๗ ฐาน  ท่องคำสวดก่อนฝึกให้ได้  เพราะจะต้องกล่าวคำสวดก่อนฝึกพัฒนาใจ  ท่องจำวิธีเลื่อนดวงนิมิต  ตั้งแต่กำหนดดวงนิมิต  เลื่อนดวงนิมิตไปฐานที่ ๑  ถึงฐานที่ ๗  ให้จำได้แม่นยำ เพราะเราปฎิบัติเอง  เมื่อถึงขั้นฝึกจริง  ทำไปแล้วเกิดติดขัดหากไปเปิดหนังสืออ่านดูอีก  จะทำให้เสียจังหวะหรือเสียอารมณ์  ดังนั้นต้องท่องจำให้จำได้  เพื่อความคล่องตัวในการฝึกของเรา 

     (ก.) ลำดับแรก  ปรับปรุงทำนั่งเจริญภาวนาให้ถูกตำรา 

     (ข.)  ลำดับที่สอง  หลับตาแล้วนึกกำหนดดวงนิมิต  เลื่อนดวงนิมิตจากฐานที่ ๑  ไปถึงฐานที่ ๗ ทำใจนิ่งอยู่ที่ฐานที่ ๗ คือศูนย์กลางของกาย  แล้วกล่าวคำสวดในใจจบแล้ว  ให้ภาวนาต่อไปได้เลย  บริกรรม  สัม  มา  อะ  ระ  หัง  เรื่อยไปตามกำหนดเวลาที่เราตั้งใจไว้

     (ค.) ลำดับที่สาม  ผลจากการเจริญภาวนาของเรา  หากถึงขั้นเห็นดวงธรรมเบื้องต้นแล้ว  จากนั้นเป็นการฝึกชั้นสูง  ซึ่งจะได้กล่าวต่อไป

     (ง.)  เมื่อเสร็จการฝึก  อย่าเพิ่งลืมตเขาจะต้องสวดแผ่เมตตาในใจเสียก่อน  เสร็จจากสวดแผ่เมตตาแล้วจึงลืมตาพักจากการฝึกได้  บทสวดมนต์และบทสวดแผ่เมตตาได้พิมพ์ไว้ให้แล้ว

     ๒. การฝึกเป็นหมู่คณะ 

ได้แก่  การฝึกในครอบครัวหรือการฝึกในที่ประชุม  หากผู้ฝึกมีจำนวนมาก  จำต้องจัดที่นั่งให้ห่างกันพอสมควร  ป้องกันคนข้างเคียงสัมผัสกับผู้อื่น  เพราะผู้อื่นกำลังทำสมาธิ  หากคนข้างเคียงมีเสียงรบกวนหรือไปสัมผัสตัวเขา  จะทำให้เขาเสียสมาธิทันที  หากจัดแถวก็ต้องเว้นช่องให้แต่ละบุคคลห่างกันพอสมควร  เมื่อจัดที่นั่งให้แก่ผู้ฝึกเสร็จแล้ว  จึงทำความตกลงในประการอื่นต่อไป

การฝึกแบบหมู่คณะนี้  จะต้องมีผู้นำหรือครู  เพราะจะต้องทำหน้าที่นำเขาในทุกเรื่อง  ตั้งแต่ต้นจนปลาย  ดังนั้น  ครูหรือผู้นำจะต้องฝึกตนเองให้ทำเป็นเสียก่อน  เพื่อจะได้นำเขาได้คล่องตัว  ทั้งนี้รวมถึงการตรวจสอบผลการฝึกและบอกวิชาชั้นสูงแก่สมาชิกได้  ดังนั้นจึงขอให้ผู้นำหรือครูท่องจำบทสวดมนต์ก่อนฝึก  บทสวดแผ่เมตตา  บทสวดมนต์บูชาพระศาสดา  บอกวิธีกำหนดดวงนิมิตและเลื่อนดวงนิมิตจากฐานที่ ๑ ถึงฐานที่ ๗ ให้จำได้ทั้งหมด  อีกทั้งต้องจำขั้นตอนต่าง ๆ ของการฝึกไว้ทั้งหมด  ว่าขั้นตอนใดทำอะไรอย่างไร

     (ก.) การจัดห้องฝึก  ในห้องนี้จะต้องตั้งโต๊ะหมู่บูชาในที่สูงควรยกพื้นให้สูงขึ้นเพื่อตั้งโต๊ะหมู่บูชา  โต๊ะหมู่บูชาประกอบด้วยพระพุทธรูป  แจกันดอกไม้สดแต่พองาม 

     (ข.) อุปกรณ์การสอน  ตั้งให้ต่ำกว่าโต๊ะหมู่บูชา  มีดวงแก้วขาวใส ๑ ดวง  ควรเป็นขนาดใหญ่เพื่อจะได้เห็นกันทั่วมีภาพแสดงทางเดินของดวงนิมิต ๗ ฐาน  ควรเขียนใหใหญ่  เพื่อจะได้เห็นกันทั่ว 

     ขั้นอธิบายแสดงวิธีปฎิบัติ 

     เมื่อผู้นำหรือครูจัดที่นั่งให้แก่สมาชิกเสร็จแล้ว  จากนี้ไปเป็นการอธิบายแสดงวิธีปฎิบัติการพัฒนาใจ  ดังนี้ 

     (ก.) ท่านั่งสมาธิ  ว่านั่งอย่างไร  ตามแบบที่กล่าวมาแล้ว

     (ข.)  อธิบายวิธีพัฒนาใจ  ว่าทำอย่างไร  เริ่มต้นจากการกำหนดดวงนิมิต  ชูดวงนิมิตให้เห็นกันทั่ว  การเลื่อนดวงนิมิตไปตามจุดต่าง ๆ ในกายเรา  ชี้ให้ดูภาพอุปกรณ์ที่เตรียมไว้  เห็นว่าเข้าใจกันดีแล้วจึงเริ่มปฎิบัติจริง 

     ขั้นปฎิบัติจริง 

     (ก.) กล่าวคำสวด  ให้ผู้นำหรือครูกล่าวนำ  แล้วสมาชิกสวดตามไปทีละวรรค  จนกว่าจะจบ 

     (ข.)  เมื่อกล่าวคำสวดจบแล้ว  ครูหรือผู้นำสั่งให้สมาชิก  นั่งสมาธิ  หลับตา  สั่งให้กำหนดดวงนิมิต  และนำให้สมาชิกเลื่อนดวงนิมิตไปตามฐานต่าง ๆ ๗ ฐานตามที่กล่าวแล้ว  จากนั้น  ให้โอกาสสมาชิกปฎิบัติเฉพาะตนประมาณ  ๒๐  นาที 

     (ค.) การวัดผล  ให้ผู้นำหรือครูถามสมาชิกว่า  ท่านใดเห็นดวงธรรมเบื้องต้นบ้าง  เป็นหน้าที่ของครูจะต้องคัดสมาชิกที่เห็นดวงธรรมเบื้องต้นมาไว้ส่วนหนึ่งเพื่อบอกวิชาชั้นสูงให้เขาปฎิบัติต่อไป 

     (ง.)  เมื่อเสร็จจากการปฎิบัติ  ให้ผู้นำหรือครูกล่าวคำสวดแผ่เมตตาก่อน  โดยสมาชิกกล่าวตามไปทีละวรรคจนกว่าจะจบ  ครั้นเสร็จจากกล่าวแผ่เมตตาแล้วจึงจะถือว่า  เสร็จสิ้นการฝึกคราวนี้ 

 

บางส่วนจากหนังสือ ทางรอดของมนุษย์ฯ หน้า 33  :  อ่านทั้งหมด | หน้าแรก