พระของขวัญของ
หลวงพ่อวัดปากน้ำมีอภินิหารเป็นอัศจรรย์

     เรื่องนี้เคยกล่าวไว้แล้ว แต่นำมากล่าวอีก ก็ด้วยแหตุที่ว่า ระยะนี้พระของขวัญที่ทาง วัดปากน้ำทำขึ้นรุ่นหลังๆ ได้รับความนิยมจากประชาชนอย่างมาก หลายท่านปรารภว่า ควรเขียนเรื่องพระของขวัญ รุ่นที่หลวงพ่อทำ โดยกล่าวแต่ที่เรารู้เห็น ในส่วนที่เราไม่รู้เห็นไม่ต้องเขียน ทั้งนี้ โดยมีความประสงค์ว่า พระของขวัญรุ่นที่หลวงพ่อทำกับรุ่นใหม่ที่ศิษย์ของหลวงพ่อทำ มีความต่างกันอย่างไร หากไม่เขียนไว้จะยากต่อการศึกษาในโอกาสต่อไป

     เหตุผลที่กล่าวนั้นฟังได้ทีเดียว แต่ข้าพเจ้ารู้เห็นมาน้อย และเท่าที่ข้าพเจ้ารู้เห็นจะถูกต้องเพียงใด ก็ไม่ทราบเหมือนกัน ต้องขออภัยต่อท่านที่สนใจเรื่องนี้ด้วย

     พระของขวัญที่หลวงพ่อทำมี ๓ รุ่น รุ่นละ ๘๔,๐๐๐ องค์ ลักษณะขององค์พระเป็น พระปางประทานพร แบบสมาธิราบ คือเท้าขวาทับเท้าซ้าย องค์พระอยู่ในกรอบ ๓ เหลี่ยม ทำเป็นเส้นๆ เส้นๆ คือ รัศมี ขนาดของพระไม่กัน คือ มีพิมพ์เล็กพิมพ์ใหญ่ ในเรื่องพิมพ์นั้นมีมากแบบ เหตุที่มากแบบก็เพราะมีคนมาบอกหลวงพ่อว่า ตรงนั้นไม่ดีตรงนี้ไม่ดี หลวงพ่อก็สั่งทำแบบให้เป็นอย่างที่ศิษย์มาบอก อย่างรุ่นแรกเนื้อยุ่ย พอถูกน้ำแล้วจะละลาย หลวงพ่อก็สั่งรุ่นต่อไปต้องประสมน้ำมันตั้งอิ๊ว มาถึงเรื่ององค์พระไม่ชัด ก็สั่งแกะแบบให้ร่องลึก ต่อมามีคนมาบอกว่า ควรจะมีกรอบเงิน หลวงพ่อก็สั่งใส่กรอบ หมายความว่าร้องเพลงตามคำขอ ดังนั้น พระของขวัญของหลวงพ่อจึงมีอะไรละเอียด ยากต่อการศึกษาของเซียนพระ เวลานี้มีการปลอมกันมาก พระปลอมกับพระจริงดูแล้วไม่ต่างกันเลย เนื้อก็เหมือน แบบก็เหมือน และกรอบก็เป็นสนิม ดูแล้วไม่ทราบว่าองค์ไหนปลอมองค์ไหนจริง

     พวกเราศรัทธาในหลวงพ่อ พอเห็นใครบอกว่านี่คือพระของขวัญของหลวงพ่อวัดปากน้ำ เราก็ควักเงินบูชาทันที ไม่ต่อรองราคาเสียด้วย ต่อมาจะอย่างไรไม่ทราบได้ เชื่อว่าพระของขวัญที่ได้จากการแอบอ้างของคนขายพระว่าเป็นพระปลอม เกิดการโวยวายขึ้นมา เสียดายเงินที่บูชาไป กรณีตามที่ว่านี้ คือบรรยากาศในสนามพระทั่วไป

     เรื่องการปลอมพระของขวัญของหลวงพ่อ ทราบว่ามีการปลอมแต่ครั้งหลวงพ่อมีชีวิตอยู่ หลวงพ่อท่านตั้งกติกาไว้ว่า ต้องไปรับด้วยตัวเราเอง โดยหลวงพ่อเป็นผู้ประสิทธิ์ประสาทให้ แม้เด็กกำลังนอนผ้าอ้อม บิดามารดาต้องอุ้มเด็กไป คนไทยที่อยู่ต่างประเทศต้องเดินทางมารับเอง หากไม่มารับเองเป็นอันหมดหวัง กติกาอีกข้อหนึ่งก็คือ คนละ ๑ องค์เท่านั้น รับแล้วจะมารับอีกไม่ได้ แม้ทำหายไป จะมารับใหม่ไม่ได้ เพื่อนของข้าพเจ้าคนหนึ่งรับมาแล้วเกิดหายไป จึงไปเข้าปลายแถวเพื่อจะรับใหม่ พอถึงคิวเพื่อนจะเข้ารับ หลวงพ่อท่านชี้มาว่า คนนี้รับแล้ว หลวงพ่อท่านทราบอย่างไร ก็ไม่ทราบเหมือนกัน เพื่อนเลยผิดหวัง ทั้งที่ไปเข้าแถวยาวกับเขา พอมาถึงเรา เราเกิดรับไม่ได้ ยังมีกติกาอีกข้อหนึ่งก็คือ ใครทำบุญสร้างโรงเรียนเท่าไร ก็รับได้เพียง ๑ องค์ แต่อย่างต่ำต้อง ๒๕ บาท แม้หลวงพ่อเองก็ ๑ องค์ และต้องถวายเงินแก่วัดด้วย จะเอาฟรีไม่ได้

     การที่เรามีกันคนละหลายองค์นั้น ได้แก่สมัยที่หลวงพ่อป่วย ได้มอบหน้าที่ให้ท่าน เจ้าคุณภาวนาโกศลเถระ (พระมหาเจียก) ประสิทธิ์ประสาทแทน เพราะหลวงพ่ออาพาธ นายแพทย์ห้ามหลวงพ่อทำงาน ยุคนี้เองที่เป็นยุคที่เราสามารถมีพระของขวัญหลายองค์ได้ การป่วยของหลวงพ่อรุนแรงขึ้น วิจารณ์กันว่า หากหลวงพ่อถึงแก่พลาดพลั้งลงไป ใครเล่าจะรับหน้าที่เลี้ยงพระ แม้ทางวัดก็หนักใจ จังหวะนี้เองที่ใครไปรับพระของขวัญ ท่านเจ้าคุณภาวนาฯ ประสิทธิ์ประสาทให้ทั้งนั้น

     ยุคที่หลวงพ่อประสิทธิ์ประสาทเอง พระของขวัญมี ๓ รุ่น พอรุ่นที่ ๑ ใกล้จะหมด หลวงพ่อก็สั่งทำรุ่นที่ ๒ พอรุ่นที่ ๒ มีแนวโน้มว่าจะหมด หลวงพ่อก็ทำรุ่นที่ ๓ การแจกแต่ละครั้งบางทีคละกัน เป็นเพราะมีคนมารับจำนวนมาก ฝ่ายที่ทำหน้าที่นำพระห่อใบอธิบายวิธีอาราธนา ทำไม่ทัน กล่องพระมี ๓ กล่อง คือ รุ่นที่ ๑, ๒, ๓ เรียงกันอยู่ เพื่อความรวดเร็วของงาน ใกล้มือกล่องใด ก็นำกล่องนั้นห่อใบอธิบาย บางวันเข้าแถวยาวเป็นกิโลเมตร กรณีนี้บางท่านได้รุ่น ๑ บางรายได้ รุ่น ๒ และบางรายได้รุ่น ๓ เมื่อคลี่ใบอธิบายวิธีอาราธนา เรามักอวดกันว่าใครได้รุ่นใด รายที่ได้ รุ่นที่ ๑ เขาก็อวดว่าของเขาเยี่ยม เพราะถือว่ารุ่นที่ ๑ มีคุณภาพดี ทำให้คนที่ได้รุ่น ๒ และรุ่น ๓ เกิดอารมณ์ขุ่น ว่ารุ่นของเราไม่ใช่รุ่นแรก ความจริงแล้วไม่ว่ารุ่นใด มีคุณภาพคือความศักดิ์สิทธิ์เท่ากัน เพราะการประกอบวิชาใช้ความรู้เดียวกัน รุ่นหลังน่าจะเก่งกว่ารุ่นแรก เพราะความรู้ใน การประกอบวิชาเชี่ยวชาญขึ้น เนื่องจากทำหลายครั้ง ความคล่องแห่งวิชาย่อมคล่องกว่านั่นเอง

     ข้าพเจ้าเคยถามแม่ชีถนอม อาสไวย์ ศิษย์ธรรมกายของหลวงพ่อ ถามว่าแม่ชีเคยทำ พระของขวัญหรือเปล่า เพราะสมัยนั้นแม่ชีทำวิชาอยู่กับหลวงพ่อที่วัดปากน้ำ แม่ชีตอบว่าเคย ท่านเล่าว่าเวลานำผงมาเข้าแบบ อธิษฐานใจว่าองค์โตๆ ฉันก็เลือกเอาแบบที่องค์โตๆ ในการประกอบวิชานั้นทำอย่างไร แม่ชีตอบว่า ทุกเวรต้องประกอบวิชาตามแต่หลวงพ่อจะสั่ง หลวงพ่อท่านให้เดินวิชาอย่างไร ก็ทำอย่างนั้น จนกว่าจะเสร็จกิจของพระแต่ละรุ่น พระพุทธเจ้าทรงซ้อนธรรมกายของพระองค์มาเดินวิชา เราได้แต่ดูว่าพระองค์ทำอย่างไร นี่คือ ทัศนะของแม่ชีถนอม อาสไวย์ ข้าพเจ้าได้ยินมา จึงนำมาเขียนไว้

     สมัยก่อน ก่อนที่หลวงพ่อจะออกมาประสิทธิ์ประสาทพระของขวัญ ท่านได้อธิบายวิธีอาราธนาพระของขวัญไว้ในเทป และเมื่อจบเทปแล้ว หลวงพ่อก็ออกมาเพื่อทำพิธีประสิทธิ์ประสาทพระของขวัญ พิธีของหลวงพ่อไม่มีอะไรมาก เพียงแต่ท่านกล่าวคำประสิทธิ์ประสาทเป็นคำบาลี ฟังดูแล้วจะลงท้ายว่า ประสิทธิเต แล้วหลวงพ่อก็หย่อนห่อพระลงไปที่มือของผู้รับ หากผู้รับเป็นหญิงจะอยู่ห่าง แต่ยื่นมือสองมือเพื่อรับพระ ส่วนท่านที่เป็นชาย ข้าพเจ้าชอบใจมาก หลวงพ่อจะให้เข้าใกล้ท่าน โดยหลวงพ่อใช้มือซ้ายจับมือผู้รับ ส่วนมือขวาของหลวงพ่อกำ พระของขวัญ และวางที่ศีรษะผู้รับ พอหลวงพ่อกล่าวคำประสิทธิ์ประสาทจบลงด้วยคำว่า “เต” แล้วท่านก็ทุบศีรษะเบาๆ ด้วยมือขวาที่ถือพระ จากนั้นก็ยืนมือขวาหย่อนพระให้แก่เขา ซึ่งขณะนั้นมือซ้ายของหลวงพ่อกำมือผู้รับด้วยมือซ้ายอยู่แล้ว ดูว่ากระฉับกระเฉง ผู้รับเขายินดีมากที่หลวงพ่อทำแก่เขาอย่างนั้น แม้ข้าพเจ้ารับ หลวงพ่อก็ทำอย่างนั้น เรายังเกิดความประทับใจ คนอื่นทำไม่น่าดู หลวงพ่อท่านทำแล้ว แลดูเป็นศักดิ์สิทธิ์ไปหมด เหตุใดเราจึงมีความคิดเช่นนั้น คำตอบก็คือ หลวงพ่อท่านเป็นปรมาจารย์ จึงแลดูสมบทบาทของบรมครู

     ส่วนวิชาธรรมกายที่ใช้ทำพระของขวัญนั้น หลวงพ่อท่านบอกว่า ธรรมกายของเราเข้านิพพานไปอาราธนาธรรมกายของพระพุทธเจ้านับอสงไขยนิพพานไม่ถ้วน และนับพระองค์ไม่ถ้วน เพื่อประกอบความศักดิ์สิทธิ์แก่พระของขวัญ ธรรมกายพระพุทธองค์ทรงทำอย่างไร ธรรมกายของเราเองก็ทำตาม ประกอบความศักดิ์สิทธิ์เช่นนี้ ตั้งแต่วันเข้าพรรษา จนถึงได้อรุณแห่งวันออกพรรษา แม้วินาทีเดียวก็มิได้หยุดเลย ครั้นได้อรุณแห่งวันออกพรรษา ธรรมกายของพระศาสดาที่ทรงเป็นประธานทรงรับสั่งว่า “ของศักดิ์สิทธิ์ขนาดนี้เกิดขึ้นเป็นครั้งแรกของโลก” รับสั่งเพียงแค่นี้ แล้วมิได้รับสั่งอีก แปลว่าการทำพระของขวัญเสร็จกิจในวันออกพรรษานั้น หลวงพ่อได้ขอต่อธาตุธรรมไว้ว่าของขวัญนี้ จะมอบแก่ท่านที่บริจาคเงินสร้างโรงเรียนปริยัติธรรม ใครบริจาคขอให้เขามีสมบัติติดตัวหนึ่งพันล้านไปทุกชาติ

     ครั้นรุ่งขึ้นหลวงพ่อก็แจกแก่ผู้มาบริจาคเงินสร้างโรงเรียน ปรากฏว่าพระของขวัญแสดงอภินิหารเป็นอัศจรรย์ เกิดข่าวเล่าลือกันไปทั่ว ผู้คนทุกทิศต่างมุ่งไปวัดปากน้ำเพื่อขอรับ พระของขวัญ ความศักดิ์สิทธิ์ของพระของขวัญ ตั้งแต่วันนั้นจวบจนถึงวันนี้ เขียนกันเท่าไรก็เล่าไม่จบ นี่คืออภินิหารของหลวงพ่อวัดปากน้ำ

 

บางส่วนจากหนังสือ อภินิหารหลวงพ่อวัดปากน้ำ หน้า 62 : อ่านเพิ่มเติม